Did you know ? รู้หรือไม่ ? นักเทนนิสที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยชนะ Tennis Grand Slam เป็นคนเชื้อชาติเอเชีย !

     ในปี 1989 แมทช์เฟรนช์โอเพ่น ณ กรุงปารีส มีหนุ่มนักเทนนิสหน้าหยก ไฟแรง จิตใจไม่ยอมแพ้ชาวอเมริกัน เชื้อสายจีน ที่ปรากฏต่อวงการเทนนิสโลกตอนนั้นในฐานะ “นักเทนนิสชายที่อายุน้อยที่สุด” เพียงอายุ 17 ปี กับ อีก109 วัน ที่เคยคว้าถ้วยแชมป์ Grand Slam ซึ่งนักหวดในตำนานท่านนั้นคือ “ไมเคิล ชาง” 

 

     หลายๆครั้งเราอยากที่จะยอมแพ้ในแมทช์การแข่งขันที่เราไปต่อไม่ไหวแล้ว และหลายๆครั้งเราก็คิดว่าเดี๋ยวค่อยเอาใหม่ก็ได้ ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงเกี่ยวกับการแข่งขันของคุณ เรามีสิทธิ์เลือก วันนี้ APX ขอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแมทช์เทนนิสในตำนานของนักเทนนิสหน้าหยก ที่ชื่อ “ไมเคิล ชาง” ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน และหวังว่าเรื่องราวนี้สามารถสร้างแรงบรรดาลใจแก่เพื่อนๆได้ไม่มากก็น้อยครับ

 

     ในปี 1988 ไมเคิล ชาง ได้ Wild Card ในการเข้าร่วมการแข่งขันเฟรนช์โอเพ่นเป็นครั้งแรก และได้มีโอกาสเข้าไปถึงรอบ 3 และพ่ายให้กับ “จอห์น แม็กเอนโร” อันดับ 16 ของโลก ณ ตอนนั้น

 

     ถัดมาในปี 1989 ชางมาด้วยความมั่นใจ ไม่ได้มั่นใจว่าจะชนะแกรนด์สแลมคอร์ทดินได้ แต่มาด้วยความตั้งมั่นใจว่า ชางจะเล่นมันได้เต็มที่เท่านั้น ในแมทช์ที่สองของการแข่งขัน ชาง ได้พบกับเพื่อนนักเทนนิสร่วมชาติ “พีท แซมพราส” ซึ่งในขณะนั้น พีท ยังไม่เคยได้แชมป์แกรนด์สแลมเลย และชางเอาชนะ พีทไป 3 เซ็ทรวดในเวลาเพียงชั่วโมงครึ่ง 

 

     และในรอบ 16 คนสุดท้าย ไมเคิลได้พบกับ “อีวาน เลนเดิล” เปรียบเสมือนตัวบอสในแมทช์นั้นเอง ซึ่งในขณะนั้น อีวาน ในฐานะอันดับ 1 ของโลกและเคยครองแชมป์ Roland Garros มาแล้ว ถึง 3 สมัยได้ขึ้นนำ ชาง ก่อน 2 เซ็ท โดยไม่สร้างความสงสัยใดๆ ชางฮึดสู้และไล่หวดมาจนถึง เซ็ทที่ 5 โดยขึ้นนำอยู่ 2-1 และในขณะนั้นเองความเหนื่อยล้าจากการแข่งขันและเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์การจลาจลที่ จตุรัสเทียนอันเหมินทำให้ ชาง เกิดอาการ ตะคริวกินที่ขาและเดินไปหากรรมการเพื่อต้องการที่จะเลิกแมทช์และยอมแพ้ แล้วในชั่วขณะ ชางก็เกิดบทสนทนากับตัวเองในหัวว่า “You can’t quit now, if you quit now, every time you’re under the situation, you’re going to quit again”

     

     หลังจากนั้น เกมส์อันดุเดือดดำเนินมาถึง 4-3, 15-30 เกมส์เซิร์ฟของชาง ด้วยความที่เหนื่อยล้าเต็มที่กับตะคริว ทำให้ชางยกแขนขึ้นเซิร์ฟไม่ไหว ชางจึงตัดสินใจสร้างเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ด้วยการ Underarm Serve หรือ เสิร์ฟใต้แขนใส่ อีวาน เลนเดิล และหลังจากนั้นไม่นาน ชางก็เอาชนะมือ 1 ของโลก ไปได้อย่างภาคภูมิใจ และเอาชนะ สเตฟาน เอ็ดเบิร์ก นักหวดชาวสวีเดน ในรอบชิงชนะเลิศ

     หลายปีให้หลัง ชางเผยเกี่ยวกับความสำเร็จและแรงบรรดาลใจนั้นว่า “What it was really about was an opportunity to bring a smile upon Chinese people’s faces around the world when there wasn’t a whole lot to smile about and I honestly feel that that was God’s purpose for allowing me to be able to get through those matches” ด้วยเป้าหมายและแรงบรรดาลใจที่ยิ่งใหญ่และเรียบง่าย ทำให้แมทช์นั้นเป็น แชมป์แกรนด์สแลมแรกและแกรนด์สแลมเดียวที่ทำให้คนวงการเทนนิสทั่วโลกรู้จักผู้ชายที่ชื่อว่า “ไมเคิล ชาง”